อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่ สูงจากระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 165 - 996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบโดย ภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน (Lime Stone) ในแถบตะวัน ออกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำ ตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ในพื้นที่ซีกตะวันออกนี้จะมี ลำห้วยที่สำคัญคือ ห้วยม่องไล่ และห้วยอมตะลา ซึ่งไหลมาบรร จบกันกลายมาเป็น น้ำตกเอราวัณ ทางตอนเหนือของพื้นที่จะพบ ห้วยสะแดะและห้วยหนองมน โดยห้วยสะแดะจะระบายน้ำลงสู่ เขื่อนศรีนครินทร์ ส่วนห้วยหนองมนจะไหลไปรวมกับห้วยไทร โยค ก่อให้เกิดน้ำตกไทรโยคส่วนทางทิศใต้เป็นต้นกำเนิดของลำ ห้วยหลายสาย เช่น ลำห้วยเขาพัง เป็นต้น ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวย งาม ซึ่งเรียกว่า น้ำตกเขาพัง หรือน้ำตกไทรโยคน้อย
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
1. ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
2. ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
3. ฤดูร้อน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
แต่ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือช่วยพัดพาให้เกิดฝน แต่เนื่องจาก พื้นที่อยู่ในเขตเงาฝน จึงมีปริมาณฝนตกไม่มากนัก และอากาศค่อน ข้างร้อน จากลักษณะอากาศดังกล่าว จึงไม่เป็นปัญหาต่อการเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าmuj น้ำตกเอราวัณ ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่ สำคัญ ได้แก่ มะค่าโมงตะเคียนทอง ประดู่ กว้าว มะกอก ตะแบก ฯลฯ นอกนั้นเป็นป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ คือ เต็ง รัง เหียง พลวงพยอม มะค่า แต้ เป็นต้น
สัตว์ป่าประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ได้แก่ นกแว่น นกกระแต แต้เว๊ด ไก่ฟ้าพญาลอ นกกระปูด นกกางเขนดง นกสาริกา นกขุนทอง ชะนี กวาง อีเก้ง ไก่ป่า หมูป่า กระต่ายป่า กระรอกบิน เสือ เป็นต้น
ตรงขึ้นไปจากซีนเนอร์รี่ฯ เจอสามแยกให้เลี้ยวขวาแล้วขับรถตรงขึ้นไปอีก สังเกตซ้ายมือจะมีป้ายธารน้ำร้อนบ่อคลึง ลักษณะเป็นลำธารเล็ก ๆ มีน้ำไหลซึมออกมาจากตาน้ำใต้ดินไม่ขาดสาย ถ้าขึ้นไปดูที่ต้นน้ำจะพบก้อนหินใหญ่เล็กเรียงลายไปมา ดูสวยงามตามธรรมชาติ มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี มีน้ำไหลตลอดปี อุณหภูมิของน้ำจะประมาณ 65 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนมากพอที่จะต้มไข่สุกได้
บริเวณต้นน้ำจะมีบ่อแยกเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านดื่ม-กิน จากบ่อดินด้านล่างสามารถเดินไปที่ต้นธารน้ำร้อนประมาณ 150 เมตร ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นสถานที่ของเอกชน ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะ เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00–18.00 น. ค่าผ่านประตู 5 บาทต่อท่าน ค่าอาบน้ำแร่บ่อกลางแจ้งคนละ 20 บาท สระกระเบื้องคนละ 50 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 0-327- 1086
เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่ สมชื่อ เกาะช้างมีพื้นที่กว่า 268,25 ไร่ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทยและใหญเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากภูเก็ต เกาะช้าง มีอยู่ด้วยกัน 2 ที่คือ 1.เกาะช้าง เกาะช้าง ตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จ.ตราด 2.เกาะช้างที่อยู่ทะเลอันดามัน จ.ระนอง (ระวังจะสับสน ^_^)
เกาะช้าง ประกอบด้วย 8 หมู่บ้าน คือ สลักเพชร สลักคอก เจ้กแบ้ บ้านด่านใหม่ คลองสน คลองพร้าว คลองนนทรี และบ้านบางเบ้า มีสถานที่ราชการ อำเภอ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล และเป็นที่ตั้งอุทยานฯหมู่เกาะช้างอีกด้วย ภายในเกาะช้างจะเป็นสวนยางพารา และผลไม้
ลักษณะภูมิประเทศของเกาะช้างส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่เขาสลักเพชร มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้บนเกาะช้างเกิดน้ำตก ลำธารหลายสาย ชายหาดสวย มีอยู่มากมาย ตามชายฝั่งตะวันตก ที่ดังๆ หน่อยก็ได้แก่ หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ ทั้งสามหาดมี รีสอร์ทตั้งอยู่เรียงรายริมหาดมากมาย ตั้งแต่ ราคา หลังละ 500 กว่า บาท ถึง 5,000 บาท ขึ้นไป นอกจากนี้บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ยังมีเกาะเล็กๆ รายล้อม อันได้แก่ เกาะคลุ้ม เกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะไม้ชี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะกระ เการัง เกาะมันนอก เกาะมันใน เกาะกระดาด เกาะหมาก เกาะขาม ฯลฯ ส่วนใหญ่ช่วงเทศกาล เกาะเล็กเกาะน้อยเหล่านี้มัก เสนอแต่แพคเก็จทัวร์ ปัจจุบันมีทัวร์รูปแบบต่างๆ มากมายนอกจากการเล่นน้ำทะเลเที่ยวเกาะ เช่น ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขี่ช้างท่องไพร ล่องเรือ ตกปลา ไดหมึก หรือพักโฮมสเตย์กับหมู่บ้านชาวประมง